สรรพสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลง และเราปรับตัวทันหรือยัง:
ก่อนที่จะพูดคำว่า “เศรษฐกิจไม่ดี” …หยุดคิดสักนิด
ทำไมบางคน (มากด้วย) เค้ารวยเอาๆ ทำไมมีแต่คนบ่นว่า งานยุ่ง ทำงานไม่ทัน (ลูกค้าเยอะ) บางคนถึงกับต้องตัดใจยอมทิ้งหรือส่งว่าที่ลูกค้าต่อให้คนอื่นเพราะตัวเองทำไม่ไหว อย่าทิ้งอะไไรง่ายๆ นะคะจนกว่าเราจะหาคำตอบได้ว่า “ทำไม” ….
ร้านหรือบริษัทคุณเคยขายดีสุดๆ ผู้ประกอบการอิสระบางคนงานเข้าตลอดๆ แต่วันนี้…นิ่ง … ลูกค้า หายไปไหน … เงินไปไหนหมด….อ๋อ… “เศรษฐกิจไม่ดีไง” … มันง่ายที่จะโทษอย่างอื่นนอกจากตัวเรา
อยากให้คิดพิจารณาดูค่ะ ทุกอย่างมันเริ่มที่วิธีคิดของตัวเรา ถ้าเรายังคงทำอะไรด้วยวิธีเดิมๆ ที่เราเคยทำสำเร็จในอดีต …คิดแบบเดิม ทำแบบเดิมท่ามกลางภาวะปัจจุบันซึ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว … ทำไมเรายังกล้าคิดว่าเราต้องดีเหมือนเดิมด้วยวิธีคิดและการทำธุรกิจแบบเดิม
หลักการนี้ ใช้ได้แม้กับมนุษย์เงินเดือน ถ้าคุณไม่พัฒนาตัวเอง คุณทำงานมาเป็นสิบปี วันนึงรุ่นน้องคุณหลายปี เค้าพัฒนาวิชาความรู้และความสามารถมาจนเทียบเคียงกับคุณ ประสบการณ์อายุงานอาจจะไม่เท่า แต่ถ้าเค้าทำงานมากขึ้น ทำมากกว่าที่คุณทำคุณสองเท่าหรือหลายเท่า เค้าเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในสถานการณ์ปัจจุบันมากกว่าคุณซึ่งยังอยู่ในโลกใบเดิมๆ มีประสบการณ์เดิมๆ …เช่นนี้แล้ว ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เคยคิดมั้ยคะว่า ตัวคุณจะอยู่ตรงจุดไหนในองค์กร … เช่นกัน… ถ้าคุณทำธุรกิจเอง…คุณจะอยู่จุดไหนในตลาดที่คุณกำลังแข่งขันอยู่
ทุกอย่างอยู่ที่วิธีคิด การปรับตัว การปรับปรุงตัวเองให้เท่าทันโลก มันคือ transformation…ลืมคำว่า “เศรษฐกิจไม่ดี” ไปก่อน และมามองตัวเราเอง ถามตัวเองว่า “ตัวเราพัฒนาดีพอกับบริบทและภาวะเศรษฐกิจในวันนี้แล้วหรือยัง”
โดยเฉพาะหากคุณมีอาชีพนักขาย หรือต้องขาย… วิธีคิดและทัศนคติของคุณต่อสิ่งต่างๆ สำคัญมาก …ถ้าคุณคิดว่า เศรษฐกิจไม่ไดี ขายยาก …มันก็จะยากจริงๆ แต่ถ้าคุณมีทัศนคติและความคิดบวก ใจของคุณจะพาคุณไปยังจุดซึ่งจะทำให้คุณพบหนทาง เหมือนเป็นแรงดึงดูด…คุณคิดดี คิดได้..คุณก็จะได้…คุณคิดอย่างไร …ความคิดของคุณเองมันจะมีแรงดึงดูดบางอย่างเรียกสิ่งที่คุณคิดเข้ามาหาคุณ หรือพาคุณไปยังสิ่งที่คุณคิด..